บอกลาเบาหวานง่ายๆ

8:27 PM
บอกลาเบาหวานง่ายๆ
ถ้าถามแพทย์แผนปัจจุบันว่าเบาหวานจะมีทางรักษาให้หายได้ไหม จะได้คำตอบว่าเบาหวานต้องกินยาฝรั่งไปตลอดชีวิต มันคงน่าเศร้าที่เราต้องกินยาเป็นกำๆทุกวัน
วันนี้เลยเอาสูตรแก้เบาหวานดีๆที่มีคนทดลองแล้วได้ผลดังนี้
นำน้ำคั้นมะนาว2ผล,มะกรูด1ผล ทานทุกวันหลังอาหารเย็น
ติดต่อกันอย่างน้อย 15 วัน

เพียงเท่านี้ลองไปเช็คน้ำตาลในเลือดอีกทีว่าเป็นอย่างไร
หมออาจจะตกใจว่าไปทำอะไรมา ไม่เชื่อลองดูนะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก หมอบ้านบ้าน

ที่มา : Facebook

ขนลุก! เผยภาพถ่ายติดวิญญาณคุณย่าที่เสียไปแล้วหลายปี ขณะที่ช่างเตรียมรื้อบ้าน!

6:07 AM
ทำเอาหลายคนขนลุกกันเป็นแถวสำหรับภาพถ่ายติดวิญญาณ ที่กำลังเป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์ในขณะนี้ โดยภาพนี้เป็นภาพถ่ายติดวิญญาณซึ่งอ้างว่าถ่ายติดวิญญาณคุณย่าที่เสียชีวิตไปนานแล้ว ขณะกำลังจะรื้อบ้าน ซึ่งข้อความของเจ้าของภาพระบุว่า

          "รูปนี้เป็นรูป ‪#‎บ้านย่า‬ ผมที่ จ.นครศรีฯ ซึ่งช่างกำลังรื้อบ้านชั้นบนที่เป็นไม้ออก เพราะผุมากแล้ว ‪#‎ย่าเสียไปหลายปีแล้ว‬ ภาพนี้ถ่ายไว้ตอนที่ช่างกำลังรื้อบัาน ‪#‎และไม่มีใครอยู่ในบ้านแน่นอน‬ ‪#‎สังเกตุในบ้านคับ‬ ‪#‎เหมือนมีคนอยู่‬ ซึ่งเหมือนกับย่าผมมาก พูดแล้วขนลุก –– [@Yim Amazon] กล่าว . . . ' [26/4/58]"


ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก YouLike (คลิปเด็ด)

          จากภาพจะเห็นชัดเจนเลยว่าได้มีคนกำลังยืนอยู่ในบ้าน บริเวณหน้าต่าง ซึ่งเจ้าของภาพยืนยันว่าภายในบ้านไม่มีคนอยู่อย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีภาพถ่ายของคุณย่ามายืนยันอีกด้วย
          ทั้งชาวเน็ตบางคนก็เชื่อว่าภาพนี้เป็นภาพถ่ายติดวิญญาณของจริง ส่วนบางคนก็ไม่เชื่อว่านี่คือภาพถ่ายติดวิญญาณจริงๆ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องผีหรือวิญญาณก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละคนนะคะ



ที่มา : Boxza

น้ำผึ้งทานอย่างไรถึงจะได้ผลดี

2:28 AM
น้ำผึ้ง...ผลผลิตจากผึ้งที่มีคุณประโยชน์มหาศาล อันเป็นที่รู้กันดีทั่วโลกตั้งแต่สมัยบรรพกาลกระทั่งปัจจุบัน แม้คนที่ไม่รู้ว่าน้ำผึ้งมีประโยชน์มากเพียงใดก็ยังชื่นชอบที่จะรับประทานน้ำผึ้ง ด้วยน้ำผึ้งมีความหอมหวานรสชาติกลมกล่อม ยากจะลืม...ฉะนั้น จึงมีการเปรียบกับคนที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ ๆ ว่าอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน หรือ ช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์

หลายชาติหลากภาษานำน้ำผึ้งมาเป็นส่วนผสมในตำรับยา ในตำรับยาไทยนั้นนำน้ำผึ้งมาช่วยแต่งรสยา ข้อ มูลจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (http://th.wikipedia.org) ระบุไว้ว่า น้ำผึ้งมีสรรพคุณช่วยบำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แก้ปวดหลัง ปวดเอว ใช้ทำยาอายุวัฒนะ ใช้น้ำผึ้งแต่งรสยาบางชนิด เช่น ยาแก้ไข้ที่มีรสขมมาก จนคนไข้กินไม่ได้ ต้องใช้น้ำผึ้งผสมให้มีรสหวานนิดหนึ่ง รสยาก็จะอร่อยขึ้น และช่วยชูกำลัง ซึ่งน้ำผึ้งเข้าได้กับตำรับยาทุกชนิด

นำน้ำผึ้งมาเป็นส่วนผสมหนึ่งของตำรับยาไทย ที่ช่วยให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้เร็วขึ้น ซึ่งมีหลายชนิด เช่น ได้จากพืช อาทิ น้ำมะนาว ได้จากธาตุ เช่น เปลือกหอยนำมาฝนกับน้ำ ได้จากสัตว์ เช่น งาช้าง รวมถึงน้ำผึ้งที่ถือเป็นน้ำกระสายยาตัวหนึ่งที่มีฤทธิ์แรงทำให้ตัวยาดูดซึมเร็วขึ้น ช่วยกระตุ้นการทำงานของไต และกระจายเลือด ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีกำลังมากขึ้น หรือบางครั้งนำน้ำผึ้งมาผสมกับยาปั้นเป็นลูกกลอน แต่ผู้ปรุงยาควรนำน้ำผึ้งไปเคี่ยวให้เดือดเพื่อฆ่าเชื้อโรค มิฉะนั้น ยาลูกกลอนจะขึ้นราภายหลัง

ในตำรับยาจีนใช้น้ำผึ้งเป็นยาบำรุงร่างกาย โดยเฉพาะบำรุงลำไส้ ช่วยให้ระบบขับถ่ายดี ลดความร้อนในร่างกาย บรรเทาอาการอ่อนเพลีย และยังช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย น้ำผึ้งมีรสชาติหวาน ชุ่มคอ สามารถใช้ได้ทั้งเดี่ยว และนำไปเป็นส่วนผสมของยา กรณีที่ใช้เดี่ยวโดยมากใช้ในกรณีลำไส้ไม่ดี

ถ้าร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว กินน้ำผึ้งประจำจะไปช่วยเคลือบลำไส้ ช่วยระบบขับถ่าย แต่สำหรับคนที่มีปัญหาท้องผูกบ่อย ๆ กากอาหารที่ค้างอยู่ในลำไส้จะแข็งตัว ถ้าปล่อยให้ท้องผูกนาน ๆ กากอาหารจะขูดผนังลำไส้ อาจทำให้เป็นแผล และมีปัญหาสุขภาพตามมา ซึ่งถ้าเรากินน้ำผึ้งเพื่อช่วยเคลือบลำไส้จะช่วยลดปัญหาลงได้

นอกจากไทยและจีนแล้ว ชาติอื่น ๆ ก็นำน้ำผึ้งไปใช้ประโยชน์ เช่น ชนชาติกรีก รับประทานน้ำผึ้งก่อนลงสนามแข่งขันกีฬา ชนชาติอียิปต์โบราณใช้น้ำผึ้งในการสมานแผลผ่าตัดและฆ่าเชื้อโรคเป็นต้น

ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(www.ku.ac.th) ระบุว่าในน้ำผึ้งมีสารเอนติออกซิเดนท์เช่นเดียวกับที่มีในผักใบเขียวและยังมีวิตามินบี ซี ฟอสฟอรัส แคลเซียม เกลือแร่ และกรดอะมิโน ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพและช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ แร่ธาตุที่กล่าวมาล้วนมีความจำเป็นต่อร่างกายที่จะเข้าไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ บำรุงโลหิต...สำหรับการนำน้ำผึ้งเพื่อนำไปสู่ทางแห่งสุขภาพที่ดี ทาง ม.เกษตรศาสตร์แนะไว้ดังนี้...

ช่วยปรับสมดุลร่างกายและควบคุม น้ำหนัก ผู้ที่รักสุขภาพและผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคปวดข้อ เป็นตะคริวอยู่บ่อย ๆ หรือโรคอ้วน ให้นำน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Honey) 3 ช้อนชา และน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ล ไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Apple Cider Vinegar) 3 ช้อนชา ผสมน้ำเปล่า 1 แก้ว ดื่มทุกเช้าหลังตื่นนอน และระหว่างมื้อเป็นประจำทุกวัน จะทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงและสดชื่น

อาหารเช้าผู้รักสุขภาพ อันนี้สำหรับผู้ที่ไม่อยากอาหารเช้า รับประทานอาหารหนัก ๆ ไม่ลง แต่ไม่ควรงดอาหารเช้าเดี๋ยวโรคกระเพาะจะถามหา ทำง่าย ๆ เพียงนำผลไม้ต่าง ๆ มาหั่น เช่น มะละกอ กล้วย ส้ม ตามชอบ ราดด้วยโยเกิร์ต ลูกเกด และน้ำผึ้ง ไปผ่านความร้อน ก็จะได้อาหารเช้าที่มีประโยชน์ อร่อย อุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุอาหาร เอนไซม์ และโปรตีนที่ย่อยง่าย

ผู้ที่นอนไม่ค่อยหลับ ผสมน้ำผึ้งกับน้ำอุ่นหรือนมร้อนจะช่วยให้หลับสบาย แต่ถ้าได้ร่วมกับการนั่งสมาธิซัก 5 นาทีก่อนนอนยิ่งทำให้คืนนั้นเป็นคืนที่ได้พักผ่อนเต็มที่

1. บำรุงสุขภาพ น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะผสมน้ำอุ่นดื่มทุกวัน
2. อดนอน น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือผสมน้ำผลไม้
3. ยาอายุวัฒนะ น้ำผึ้ง ½ -1 ช้อนโต๊ะ ดื่มทุกวัน เช้า / ก่อนนอน
4. นอนไม่หลับ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะดื่มเวลาอาหารเย็นหรือก่อนนอน
5 .ไอ หลอดลมอักเสบมีเสมหะ กระเทียม 1-2 กลีบ (ตำให้ละเอียด) น้ำมะนาว ½ เกลือเล็กน้อย พิมเสนหรือการบูร 2-3 เกล็ด น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
6. ท้องอืด ท้องเฟ้อ น้ำผึ้ง ½ ช้อนโต๊ะ น้ำขิงเข้มข้น ½ ถ้วย เกลือเล็กน้อยดื่มวันล่ะ 3 เวลาหลังอาหาร
7. ท้องผูก น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะดื่มก่อนนอน
8. เด็กปัสสาวะรดที่นอน น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา (ไม่ผสมน้ำ) ดื่มก่อนนอน
9. ท้องเสียรุนแรง น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ เกลือ ½ ช้อนชา ผสมน้ำอุ่น 1 แก้ว
10. เด็กแหวะนม น้ำผึ้ง ½ -1 ช้อนโต๊ะ ผสมนมให้เด็กดื่ม
11. กล้ามเนื้อเป็นตะคริว น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา ดื่มทุกมื้ออาหาร
12. ล้างแผลฝีหนอง แผลเรื่อรัง น้ำผึ้ง 1 ส่วน ผสมน้ำ 9 ส่วนชะล้างแผล หัวหอมแดง 2 หัวตำให้ละเอียด+น้ำผึ้งพอกฝี น้ำสุกที่เย็นแล้วล้างให้สะอาด ใช้สำลีหรือผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดบริเวณแผล
13. แผลไฟไหมน้ำร้อนลวก ถูกท่อไอเสีย ใช้ผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดแผล ไว้แล้วเปลี่ยนผ้าพันแผลทุก 12 ชั่วโมง
14. โรคกระเพาะ ดื่มน้ำผึ้ง 2-3 ช้อนโต๊ะขณะปวด และ 3 ช้อนโต๊ะ ก่อนนอน
15. ผู้ป่วยด้วยโรคพิษสุรา(ตับแข็ง/โรค ตับ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ ½ ถ้วยแก้ว ดื่มวันละ 3 ครั้งเป็น ประจำ คอเหล้าดื่มน้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะก่อนนอน
16. ผู้ป่วยริดสีดวงทวาร น้ำผึ้งผสมกระเทียมโทน บริโภควันละ 3 ครั้งหลังอาหาร
17. เด็กโตช้า และโลหิตจาง น้ำผึ้งผสมนมดื่มเป็นประจำ
18. เสียน้ำหรือเสียเลือด( 10-20 % ) น้ำ 1 ถ้วยแก้วผสมเกลือ ¼ ช้อนชา น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
19. โรคเด็ก (ทางเดินอาหารผิดปกติ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนชาต่อน้ำ 1 ถ้วย


ที่มา : 247friend

แผนไดเอ็ตตามกรุ๊ปเลือด กินแบนไหนถึงจะสวยผอม

2:25 AM
Blood Type Diet การกินตามกรุ๊ปเลือด ถูกพัฒนาโดย Naturopathic Physician นามว่า ปีเตอร์ ดี อาดาโม่ การไดเอ็ตนี้มีชื่อว่า "Eat Right For Your Type" หรือก็คือ จะแนะนำให้คนเรากินอาหารโดยอิงจากกรุ๊ปเลือด A B AB หรือ O โดยอ้างว่า กรุ๊ปเลือดแต่ละชนิดนั้น จะย่อยโปรตีนจากอาหาร (เรียกว่าเลคติน) ได้ต่างกัน นอกจากนี้ ยังกล่าวว่า การกินอาหารที่มีเลคตินผิดประเภทสำหรับร่างกายคุณนั้นจะส่งผลกระทบในทางลบต่อร่างกาย เช่น บวมน้ำ เมตาบอลิซึ่มถดถอย และแม้แต่มะเร็งบางชนิด ในทางตรงกันข้าม ก็เชื่อว่า การกินอาหารที่ถูกประเภทสำหรับคุณจะทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น

กรุ๊ป O

เป็นกรุ๊ปเลือดแรกที่เก่าแก่สุดของมนุษย์เรา เชื่อว่า คนที่มีกรุ๊ปเลือดนี้จะมีความเป็นนักล่าจากบรรบุรุษของพวกเราหลงเหลืออยู่ในตัว จึงเหมาะสำหรับอาหารแบบโปรตีนสูง คือ เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ และปลา ธัญพืช และขนมปัง กับการออกกำลังกายอย่างเข้มข้น

กรุ๊ป A

เชื่อว่ากรุ๊ปเลือดนี้เกิดขึ้นหลัง จากที่มนุษย์เรามีการทำเกษตรกรรมแล้วเพราะเราต้องมีการย่อยคาร์โบไฮเดรตได้ดีมากขึ้น ดังนั้น คนกรุ๊ปเลือดเอจึงเหมาะสำหรับโปรตีนถั่วเหลือง ธัญพืช ผัก แต่ในขณะเดียวกัน ต้องกินเนื้อแดงน้อยกว่าคนกรุ๊ปเลือดอื่นๆ เช่นเดียวกับ การออกกำลังก็ต้องเบากว่ากรุ๊ปโอด้วย

กรุ๊ป B

เชื่อว่า กรุ๊ปนี้มีความสามารถในการปรับตัวที่ดี พร้อมกับมีระบบย่อยอาหารที่ค่อนข้างจะยืดหยุ่น ดังนั้น คุณสามารถกินผลิตภัณฑ์จากนมได้สบาย และยังกินเนื้อสัตว์ได้อีกด้วย อย่างไรก็ดี อาจจะต้องหลีกเลี่ยงข้าวโพด ธัญพืช ถั่วเปลือกแข็ง มะเขือเทศ และพีนัท ในขณะที่การออกกำลังกายของคุณสามารถหนักกว่ากรุ๊ปเอ ให้อยู่ในระดับปานกลาง

กรุ๊ป AB

กรุ๊ปนี้จะมีคุณสมบัติรวมของเอและบี คนกรุ๊ปเลือดนี้อาจจะหลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์และหันมากินเต้าหู้ อาหารทะเลหรือนมแทน สามารถออกกำลังกายสลับหนัก-เบาได้

การกินตามกรุ๊ปเลือดนั้น จะทำให้คุณลดน้ำหนักตัว กระปรี้กระเปร่า และสุขภาพโดยรวมแข็งแรงขึ้น อย่างไรก็ดีการไดเอ็ตแบบนี้เน้นที่ผลของสุขภาพและการป้องกันโรคมากกว่าเรื่องการลดน้ำหนัก แผนการไดเอ็ตดังกล่าวอ้างอิงจากความเชื่อว่าเราทุกคนแตกต่างกันในเรื่องของอาหาร ไม่มีการควบคุมแคลอรีในไดเอ็ตเช่นนี้ หมายความว่า จะไม่มีความหิวโหยที่เกิดจากการไดเอ็ต แต่อาจจะไม่เห็นผลในเรื่องของการลดน้ำหนักอย่างแท้จริง อย่างไรก็ดี เนื่องจากมีการสนับสนุนให้ออกกำลังกายร่วมด้วย หลายคนจึงเห็นผลจริง


เนื้อหาโดย www.lisaguru.com
ที่มา : Sanook

มะเร็งระยะสุดท้าย “แม่หมอเทวดา”

9:14 PM
มะเร็งระยะสุดท้าย “แม่หมอเทวดา”
              หลังจากทราบข่าวจากคุณธนา แฟนเว็บ Jamrat.net แนะนำมาว่ามีแม่หมอเทวดาที่สามารถรักษามะเร็งและเอดส์ได้ ด้วยความอยากรู้เพื่อนำมาเผยแพร่ให้กับผู้ป่วยทั้งมะเร็งและเอดส์ที่หมดหวังนอนรอความตายนับวันนับชั่วโมงก่อนหมดลมหายใจได้มีความหวังมีรอยยิ้มขึ้นมาได้อีก

             ฤกษ์ดีของผมเช้ามืดวันที่ ๒๖ สิงหาตม ๒๕๕๖ ขับรถไปตามถนนเส้นทางรังสิต-นครนายก-ปราจีนบุรี จุดหมายปลายทาง ต.โคคลาน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ขับไปถามไปจนถึงสี่แยกโคคลาน เห็นด่านตำรวจและป้อมยามด้านขวามือแล้วเลี้ยวซ้ายไปอีกประมาณ ๒๐๐ เมตร เห็นป้ายบ้านซับม่วงให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกจนกว่าจะมองเห็นตู้โทรศัพท์สาธารณะสีฟ้าตู้ที่สองด้านขวามือ สังเกตบ้าน ๒ ชั้นที่รั้วบ้านมีป้ายเขียนว่า ที่ทำการกองทุนเงินแม่ของแผ่นดิน บ้านซับม่วง ครัวเรือนต้นแบบ หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง นายประยูร  ยื่นสุข ๕๙๙ หมู่ ๒ บ้านซับม่วง ต.โคคลาน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว กลุ่มหมอยาพื้นบ้านและสมุนไพรไทย ศูนย์จำหน่ายเสื่อทอพื้นบ้าน ( ไหล,กก)

          ข้างบ้านมีถนนเล็กๆเข้าไปหลังบ้านมองเห็นลานกว้างสำหรับจอดรถผมขับเข้าไปจอด หลังบ้านมีศาลาไม้ยกพื้นสูงประมาณหัวเข่า มองเห็นผู้ชายกับผู้หญิงวัย ๖๐ เศษ กำลังช่วยกันทอเสื่อกกอยู่บนศาลา ผมลงจากรถรีบพนมมือไหว้แนะนำตัวเอง แจ้งความประสงค์ที่เดินทางมา ทำให้ทราบว่าผู้หญิงที่ทอเสื่ออยู่คือ “ แม่หมอเทวดา” ส่วนผู้ชายที่ช่วยในการสอดเส้นเสื่อระหว่างการทอคือลุงประยูร ยื่นสุข สามีแม่หมอ ด้านบนศาลามีสมุนไพรมัดเป็นมัดๆขนาดกำมือยาวประมาณ ๑ คืบอยู่ในถุง ๒-๓ ถุง พร้อมกาน้ำต้มยา

           จากการพูดคุยทั้งสองท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดี โดยเฉพาะแม่หมอ ท่านได้เล่าให้ผมฟังว่า ในอดีตแม่หมอเคยป่วยหนักทั้งโรคตับอักเสบโรคไต นิ่วในถุงน้ำดีไปจนถึงน้ำท่วมปอดหลายโรคมารุมล้อม ต้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่เนื่องจากฐานะทางบ้านยากจนไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาล ต้องนอนรอที่โรงพยาบาลให้สามีและญาติทำงานหาเงินทะยอยมาจ่ายค่ายาให้

          อยู่มาคืนหนึ่งนอนหลับมีจิตนิมิตฝันว่ามีลุงคนหนึ่งพาไปค้นหายาสมุนไพรในป่า และได้แนะนำสมุนไพรที่พบเห็นอยู่หลายชนิดในการรักษาโรค ลุงคนนั้นบอกว่าให้จดจำแล้วนำไปช่วยเหลือคนป่วย วันต่อมาอาการป่วยของแม่หมอหายไปเองโดยไม่ได้กินยาอะไรเลย เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจ

         หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ยังไม่กล้าไปรักษาใครกลัวว่าเขากินแล้วตาย จนกระทั่งปี พ.ศ.๒๕๓๕ มีผู้ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายที่หมอโรงพยาบาลไม่รับแล้ว กลับบ้านมานอนรอความตาย จึงตัดสินใจลองรักษาดู ปรากฏว่าวันแรกที่ผู้ป่วยกินยา ถ่ายออกมาเป็นลิ่มเป็นถุงเป็นยวงออกมาดำๆเต็มไปหมด หลังจากนั้นกินยามาเรื่อยๆอาการก็ดีขึ้นจนหาย จนชาวบ้านแตกตื่นเหมือนผึ่งแตกรัง ขนานนามแม่หมอว่า “แม่หมอเทวดา” ตั้งแต่บัดนั้นมา

    ระหว่างคุยลุงประยูร ยื่นสมุดเยี่ยมทะเบียนผู้ป่วยให้ผมดู ๓-๔ เล่ม ซึ่งบอกว่านี่เป็นบางส่วนยังมีอีกมากกว่านี้ ขนาด ๒-๓ เล่มที่เห็นก็ทีผู้ป่วยนับหมื่นแล้ว ผมมองไปที่ภาพบนเสาศาลาที่มีรูปหญิงวัยกลางคนหน้าตาดี ถามแม่หมอว่ารูปใครครับ แม่หมอบอกว่าเป็นรูปหม่อมที่เคยมารักษามะเร็งปัจจุบันท่านอายุ ๘๐ ปีแล้วยังมีชีวิตอยู่

       สำหรับแนวทางการรักษาของแม่หมอเทวดา ผู้ป่วยต้องมาเอง บูชาครูคนละ ๕ บาทพร้อมธูปเทียน หลังจากนั้นแม่หมอจะทำนายทายทัก โดยที่ผู้ป่วยไม่ต้องบอกอะไร แม่หมอจะพูดไปตามที่แม่หมอต้องการจะพูดพูดไปตามธรรมชาติที่จะมีอะไรมาดลใจให้พูด แล้วผู้ป่วยและญาติจะรู้เองว่า ท่านพูดตรงหรือไม่ วันนั้นแม่หมอเล่าให้ผมฟังว่า โรคทุกโรคเกิดจากเชื้อราแล้วพัฒนาตัวเองลุกลามไปทั่วร่างกาย ตามแต่เจ้ากรรมนายเวรต้องการ

    “ ยาที่แม่หมอให้ไป เป็นยาสมุนไพรขอหาย ผู้ป่วยต้องมาขอหายเอง ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไรมาขอหายได้ แล้วแม่หมอจะดูเองว่าจะหายหรือไม่หาย ถ้าไม่หายก็จะไม่จัดยาสมุนไพรขอหายให้ ให้ไปก็เปลืองยาเปล่าๆ ยาสมุนไพรขอหายมี ๑๔ มัด ให้ต้มดื่มไปเรื่อยๆจนครบ ๑ เดือนหลังจากนั้นให้ใช้สมุนขอหายมัดที่ ๑๕ มัดสุดท้ายที่มีตัวยาสมุนไพรแตกต่างจาก ๑๔ มัดเป็นชุดถอนรากถอนโคนดื่มอีก ๖ วัน”
      โรคมะเร็งโรคเอดส์ถือเป็นโรคหนัก เป็นโรคนายประหาร โรคเบาหวานเป็นโรคนายทรมาน โรคอื่นๆถือเป็นโรคเบา โรคส่วนใหญ่ก่อกำเนิดจากเชื้อราแล้วพัฒนาขึ้นมา ไล่ไม่หนี ตีไม่ออก มีแต่แถมโรคมาเรื่อยๆ ผู้ป่วยต้องมีสัจจะในตัวเองจึงจะหายเร็ว

         แม่หมอเทวดาบอกว่าสมุนไพรนี้สามารถจับตัวยาได้ ๒ คน คือคนต้มยากับคนกินยา ผู้ป่วยกินได้คนเดียว คนอื่นห้ามกิน เมื่อใส่ยาหม้อไหนแล้วต้องใช้หม้อนั้นห้ามเปลี่ยนหม้อยา เวลาเปลี่ยนสมุนไพรในหม้อยาเพื่อเอาชุดใหม่ลงห้ามเปลี่ยนวันพระ เวลาดื่มให้ดื่มต่างน้ำได้ทุกช่วง ระหว่างคุยผมมองเห็นขันน้ำยาสมุนไพรขอหายวางอยู่ข้างหม้อยา จึงขออนุญาตแม่หมอซดไปเกือบหมด รสชาดฝาดๆกลิ่นไม้ยาจืดๆแต่ดื่มสักพักจะมีรสหวานนุ่มๆปรากฏขึ้นมาดื่มง่าย

        แม่หมอกำชับว่าให้ดื่มสมุนไพรขอหายอย่างเดียวไม่ต้องไปสนใจอะไร ดื่มแล้วจะปวดจะเมื่อยจะเกิดปฎิกิริยาต้านอย่างไรไม่ต้องสนใจดื่มไปเรื่อยๆบางคนอาจจะมีอาการบ้างไม่กี่วันแล้วจะดีขึ้นผู้ป่วยจะรู้เองว่าอาการของตัวเองดีขึ้น บางรายวันสองวันก็รู้แล้ว ต้องดื่มจนหมดตัวยาที่จัดให้

       ของต้องห้ามเนื้อสัตว์และแมลงทุกชนิด ประเภทผักห้ามกินผักที่มีเครือเลื้อย เช่น ยอดบวม ยอดฟักทอง ผักมีขน มีข้อ มีกอ มีหน่อ ประเภทผลไม้ห้ามกินลำไย สับปะรด ขนุน ทุเรียน กล้วย ของหมักดอง เช่น หน่อไม้ดอง ผักดอง อาหารทะเล และอาหารในงานศพ ประเภทเครื่องดื่ม เหล้า เบียร์ กาแฟ น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง  ประเภทปลากินได้เฉพาะปลามีเกล็ด เช่นปลานิล ปลาใน ปลาขาว ปลาตะเพียน ปลาทับทิม นอกนั้นห้ามกิน ถ้าท่านปฏิบัติได้ดังคำแนะนำโรคที่ท่านมีอยู่ทุกโรคหายแน่นอน

        สำหรับค่ายาสมุนไพรขอหาย เพื่อสนับสนุนทางกลุ่มชาวบ้านที่ต้องไปหาสมุนไพรในป่าราคาค่างวดก็ไม่แพงเพียงสามร้อยกว่าบาทเท่านั้น วันนั้นผมสนับสนุนไปห้าร้อยบาทท่านก็จะทอนให้ผมบอกว่าไม่เป็นไรยินดีสนับสนุนท่านก็ตอบกลับว่าถ้าอย่างงั้นเอาเสื่อที่ท่านทอไปผืนหนึ่งฮ่าๆๆ

      เอ้า...ลืมบอกไปหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ “แม่หมอเทวดา” ให้ประสานลุงประยูร ยื่นสุข ๐๘-๗๙๖๕-๐๕๐๖ และ ๐๘-๑๐๗๕-๑๔๗๗ ขอใหทุกท่านโชคดีนะครับ แล้วอย่าลืมแวะเที่ยว “ละลุ” คำว่าละลุเป็นภาษาเขมรแปลว่าแผ่นดินยุบ อยู่บริเวณใกล้กัน อยู่ที่บ้านคลองยาง ต.ทับราช อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ติดต่อรถอีแต่นนำเที่ยวและโฮมสเตย์ที่คุณวรวุฒิ  ประเถตัง ๐๘-๙๐๖๔-๙๘๙๒ ผมไปมาแล้วสนุกดี สวยและแปลก ถือเป็นดินแดนมหัศจรรย์ ฮ่าๆๆ




ที่มา : Jamrat

อุทาหรณ์!! สาวฉีดฟิลเลอร์พลาดเนื้อตาย-หน้าผากทะลุเป็นรู

6:13 PM
อุทาหรณ์!! สาวฉีดฟิลเลอร์พลาดเนื้อตาย-หน้าผากทะลุเป็นรู
อุทาหรณ์!! สาวฉีดฟิลเลอร์พลาดเนื้อตาย-หน้าผากทะลุเป็นรู
ข่าวด่วนวันนี้ เมื่อวันที่ 8 พ.ค. โลกออนไลน์แห่แชร์คลิปสาวฉีดฟิลเลอร์จนหน้าผากทะลุจนเป็นรูเท่าเม็ดกระดุม เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับสาวๆที่อยากมีหน้าผากนูน-โค้งมนสวย แล้วไปทำศัลยกรรมโดยการฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มเข้าที่หน้าผาก และเกิดผิดพลาดจนฟิลเลอร์ที่ฉีดกัดกินเนื้อบริเวณหน้าผากจนกลายเป็นเนื้อเน่า สุดท้ายต้องขูดฟีลเลอร์ออกดังที่ปรากฏในคลิป โดยคลิปดังกล่าวถูกโพสต์โดยสมาชิกเฟซบุ๊กชื่อว่า Tancha Srisakorn พร้อมกับระบุข้อความว่า...

"ฉีดหน้าผาก ปลาหมอสี เน่าอักเสบเป็นรูถึงกะโหลก มาดูกันคะ ‪#‎สวยแล้วไม่หยุดพบกับจุดจบแบบนี้คะ‬"


ฉีดหน้าผาก ปลาหมอสี เน่าอักเสบเป็นรูถึงกะโหลก มาดูกันคะ #สวยแล้วไม่หยุดพบกับจุดจบแบบนี้คะ
Posted by Tancha Srisakorn on Thursday, May 7, 2015

หลังจากนั้นก็มีคลิปที่ 2 ตามมา พร้อมกับข้อความระบุว่า...

     "คลิป2เปิดแผลหน้าผากเป็นรู อักเสบจากการฉีดหน้าผาก ดูไว้เป็นอุทาหรณ์นะคะ ‪#‎อวยพรให้น้องหายด้วยนะคะ‬"


คลิป2เปิดแผลหน้าผากเป็นรู อักเสบจากการฉีดหน้าผาก ดูไว้เป็นอุทาหรณ์นะคะ #อวยพรให้น้องหายด้วยนะคะ
Posted by Tancha Srisakorn on Thursday, May 7, 2015



ที่มา : Thaiza

เพื่อสุขภาพ: ผลไม้บำรุงเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ผิวขาวสดใส

3:06 AM
เพื่อสุขภาพ: ผลไม้บำรุงเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ผิวขาวสดใส
ผลไม้ที่เรารับประทานอยู่ทุกวันเป็นประจำ ไม่ใช่แค่ให้ความอร่อยยังมีประโยชน์มากมาย ทั้งช่วยให้สุขภาพดี ดูแลผิวพรรณของเราบำรุงเนื้อเยื้อต่างๆให้แข็งแรงอีกด้วย
ในผลไม้จริงๆแล้วมี ธาตุ และสารอาหารหลัก เช่น ธาตุเหล็ก โปรตีน และกรดอะมิโนต่างๆ เหมือนกับอาหาร คาวหวานทั่วไป
ในบทความนี้จะมุ่งประเด็นไปถึงผลไม้ที่เกี่ยวกับเฮโมโกลบิน เพราะส่งผลดีต่อเชลล์เม็ดเลือดแดงของเรา เป็นปัจจัยต้นๆที่ทำให้ ผิวของเราสดใส อยู่ตลอดเวลา
เฮโมโกลบิน หรือ ฮีโมโกลบิน ประกอบไปด้วย โปรตีนและธาตุเหล็ก เฮโมโกลบินจะอยู่ในเม็ดเลือดแดง มีหน้าที่นำออกซิเจนและสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเชลล์และเนื้อเยื้อตามอวัยวะต่างๆของร่ายกาย ในร่างกายของเราควรจะมีปริมาณเฮโมโกลบินอยู่ประมาณ 20-30 ล้านล้านเชลล์ถึงจะถือว่าอยู่ในระดับที่ดี ดังนั้นเรามาดูกันว่าผลไม้ชนิดไหนที่จะช่วยให้ ปริมาณของ ฮีโมโกลบินเพิ่มขึ้นและไม่เป็นอันตรายแก่ตัวเรา
ผลไม้ที่มีผลดีต่อระบบการไหลเวียนของเลือด

1. แตงโม

จากผลการวิจัยของมหาลัยชื่อดังของสหรัฐอเมริกาพบว่า หากเรารับประทานแตงโมเพียงครึ่งผล ต่อวัน จะเป็นผลดีต่อระบบการไหลเวียนของเลือด เพราะแตงโมมีกรดอมีโนอาร์จินีน ที่ร่างกายไนตริกออกไซด์ เพื่อให้เลือดมีคุณภาพมากขึ้นถึง 22 เปอร์เซ็นต์ ทำให้มีผลป้องกันภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย และก็ป้องกันภาวะหลอดเลือดแข็งตัว

2. แก้วมังกร

แก้วมังกรนั้นประกอบไปด้วยโปรตีน จึงทำให้ผู้ที่รับประทานแก้วมังกรอยู่เป็นประจำมีผิวที่ไร้ริ้วรอย ดูเนียนเรียบ จากผลการวิจัยพบว่า แก้วมังกรส่วนเนื้อสีแดงนั้นมีผลดีต่อระบบไหลเวียนของเลือด แถวยังมีธาตุเหล็กที่ช่วยในการสร้างเชลล์เม็ดเลือดอีกด้วย นอกจากนั้นเลือดไฟเบอร์ที่มีอยู่ในแก้วมังกรนั้นยังช่วยรักษาและสร้างความแข็งแรงให้กับบริเวณช่องคลอด รวมไปถึงบรรเทาอาการตกขาวของผู้หญิงได้อีกด้วย

3. กล้วย

กล้วยนั้นเป็นผลไม้ที่หาซื้อรับประทานได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป ในกล้วยนั้นมีแมกนีเซียมเป็นจำนวนมาก ทำให้คนที่ผิวขาวซีดให้กลับมาเป็นคนที่ดูสดใส ไม่ซีดอีกต่อไป จากผลการวิจัยพบว่า
คนที่รับประทานกล้วยทุกวันช่วยส่งเสริมให้ลดความเสี่ยงเป็นโรคลูคีเมีย หรือที่เรียกกันว่า มะเร็งเม็ดเลือดขาว โดยเฉพาะช่วงทารก

4. สตรอเบอร์รี่

ผลไม้ที่หลายๆคนชอบรับประทานกันคงหนีไม่พ้น สตรอเบอร์รี่
ผลการวิจัยพบว่า สตรอเบอร์รี่นั้นมีวิตามินอยู่มาก ซึ่งช่วยบำรุงเม็ดเลือดแดงได้เป็นอย่างดี จากการทดลอง อาสาสมัครที่รับประทานสตรอเบอร์รี่ทุกๆวัน วันละประมาณ 1-2ถ้วย ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 1เดือน ผลการตรวจเลือดของพวกเขาพบว่ามีเชลล์เม็ดเลือดแดงอยู่ในเกรณ์ที่ปกติมาก จึงส่งผลให้พวกเขาเหล่านั้นมีผิวพรรณที่สดใส เนียนเรียบ

5. ทับทิม

ทับทิมเป็นผลไม้ที่อยู่คู่กับประเทศไทยมาเนิ่นนาน หลายๆคนชอบรับประทาน หรือแม้กระทั่งนำไปตั้งชื่อลูกของตัวเอง เรามาดูว่าทับทิมมีประโยชน์อะไรบ้าง จากผลการวิจัยจากมหาลัยชื่อดังของสหรัฐอเมริกาพบว่า ผู้ป่วยเบาหวานที่รับประทานทับทิมเป็นประจำทำให้หายจากโรคเบาหวานได้เพราะ ในทับทิมมีคุณสมบัติช่วยกักเก็บเชลล์เม็ดเลือดแดง โดยทดลองจากผู้ป่วยโรคเบาหวาน 10 คนให้ดื่มน้ำทับทิมวันละ 1 แก้ว เป็นระยะเวลา 3 เดือน เห็นผลว่ามีระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น และมีอาการอ่อนเพลีย ผมร่วง น้อยลงมาก แถมยังมีผิวพรรณที่ดีขึ้นกว่าเดิมด้วย



ที่มา : NanaHealth